ความสุขของกะทิ
ชื่อเรื่อง: ความสุขของกะทิ
ผู้เเต่ง: งามพรรณ เวชชาชีวะ
ประเภท: บันเทิงคดี
เนื้อเรื่อง: เด็กหญิงวัย 9 ขวบที่กำลังจะต้องสูญเสียแม่ ซึ่งป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง แม่รู้ตัวดีว่าไมสามารถเลี้ยงดูกะทิได้ จึงฝากกะทิให้ตากับยายเลี้ยง กะทิเติบโตมาด้วยความรักของตาและยาย มีชีวิตอย่างสุขสบาย ในบ้านหลังน้อยริมคลองอันอบอุ่น กะทิมีความสุขดีในบ้านหลังน้อยที่ล้อมรอบด้วยไม้ไทย ในวันว่างตาชวนกะทิพายเรือไปเที่ยวเล่นในทุ่งและไปจนถึงศาลาริมน้ำใต้ต้นก้ามปู ตาเคยเป็นทนายมีชื่อเสียงในกรุงเทพ เมื่อเกษียณแล้วจึงย้ายกลับมาบ้านเกิด บูรณะบ้านไทยและใช้ชีวิตบั้นปลายช่วยเหลือผู้คนในท้องถิ่น ยายเคยทำงานเป็นเลขานุการนายใหญ่โรงแรม ห้าดาวและเลือกที่จะใช้ชีวิตเรียบง่ายเช่นกัน กะทิมีพี่ทองเป็นเพื่อนเล่น ชีวิตดำเนินไปอย่างเรียบง่ายแม้ว่าไม่สมบูรณ์ครบถ้วนอย่างที่ควรเป็น กะทิจำแม่ได้เพียงลางๆ ตายายไม่พูดถึงแม่ ในบ้านไม่มีรูปถ่ายแม่ กะทิคิดถึงแม่ทุกวัน อยากพบหน้าอยากให้แม่มารับที่โรงเรียน กะทิอธิษฐานทุกวันให้ฝันเป็นจริง ตาและยายบอกะทิว่าแม่ป่วยและพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านชายทะเล ชฎา หรือ น้าฏาเลขาของแม่ ขับรถมารับ อาการของแม่หนักแล้วและตั้งใจให้กะทิมาใช้เวลาช่วงสุดท้ายด้วยกัน โรคของแม่ คือ เอแอส กล้ามเนื้อจะอ่อนแรงลงเรื่อยๆ จนช่วยตัวเองไม่ได้และถึงขั้นหายใจเองไม่ได้ แม่ไม่ยอมใช้เครื่องช่วยหายใจเพราะจะทำให้พูดไม่ได้ แม่เลือกที่จะทอนเวลาชีวิตลงแต่อย่างมีคุณภาพกะทิได้รู้ว่าแม่ตัดสินใจฝากกะทิไว้กับตาและยายเมื่อรู้ว่าไม่สามารถดูแลกะทิได้เอง เหตุการณ์ที่ทำให้แม่ตัดสินใจ คือ เมื่อกะทิอายุ 2 ขวบ แม่พากะทิไปพายเรือเล่นจนถึงศาลาริมน้ำ แต่เกิดพายุและกลับบ้านไม่ทัน กะทินั่งอู่ในเรือและเรือหลุดจากเสาที่ผูกไว้โดยที่แม่ช่วยอะไรไม่ได้เลย วันนั้นโชคดีที่ทอง เด็กวัดตามมาหาเพื่อนเล่นจึงช่วยกะทิกับแม่ไว้ได้ กะทิอยู่กับตายายนับจากวันนั้นและเทื่อรู้เหตุผลจากปากของแม่ก็เข้าใจ แม่จากไปอย่างสงบและฝากให้เพื่อนของแม่ชื่อ กันต์ และลูกพี่ลูกน้องชื่อ ตอง เป็นคนพากะทิกลับไปที่คอนโดกลางกรุงเทพเพื่อพบกับส่วนหนึ่งของชีวิตแม่ กะทิจึงเดินทางอีกครั้งและมาถึงคอนโดที่กะทิเคยอยู่กับแม่ก่อนที่จะพลัดพรากกัน ที่นี่มีห้องหนึ่งที่แม่จัดเก็บเอกสารเรื่องราวชีวิตของตัวเองไว้ ลุงตองเป็นคนพากะทิไปเปิดตู้เอกสารและทำให้กะทิพบว่าพ่อของกะทิชื่อ แอนโทนี ซัมเมอร์ ชาวพม่าที่เติบโตที่อังกฤษแม่พบพ่อเมื่อไปเรียนต่อและทำงานที่นั่น ทั้งสองรักและแต่งงานกัน แต่แม่ได้งานใหญ่ที่ฮ่องกงทำให้ต้องแยกกันอยู่ ไม่นานแม่ก็รู้ว่าคนรักคนเก่าของพ่อตามมาพบกันและแม่ตัดสินใจให้คนทั้งสองสมหวัง แม่เลือกเดินทางกลับมาอยู่กรุงเทพและพบว่าตัวเองตั้งท้อง แม่เตรียมจดหมายไว้ให้กะทิส่งถึงพ่อและส่งไว้ว่าให้กะทิตัดสินใจเองว่าจะส่งหรือไม่ แต่สุดท้ายกะทิเลือกและพอใจที่จะใช้ชีวิตเรียบง่ายกับตายายที่บ้านริมคลองสืบไป
สรุป: เมื่อจินตนาการถึงเด็กหญิงผมสั้นที่ใช้ชีวิตอยู่กับตายายที่บ้านริมคลอง วัยเด็กรูปทรงน่ารักตื่นเช้ามาพร้อมกับกระทะและตะหลิวของเล่นข้างสระน้ำ ตาพายเรือไปตามครองเรื่อยเปื่อยที่มีความสุขที่เรียบง่าย บางครั้งมีเพื่อนชื่อพี่ทองมาเยี่ยมแวะเวียน กะทิจินตนาการภาพของแม่ไว้เสมอแม้จะอยู่ทีบ้านริมคลองกับตายาย บ้านริมคลองเห็นได้ชัดว่าการที่ใช้อยู่ชีวิตอยู่กับสิ่งเรียบง่ายไม่ปรุงแต่งแต่ถึงอย่างนั้นแม่ก็ยังเป็นความจำที่ไม่ชัดเจน แต่กะทิก็ยังเฝ้ารอแม่ถึงแม้จะเป็นความหวังที่เลือนลาง กะทิอยากเห็นแม่อยู่ถือตะกร้ากลับจากตลาด ไม่มีใครรู้ว่าแม่เหลือเวลานานอีกเท่าไหร่ชีวิตดำเนินต่อไปขอเพียงหัวใจเป็นสุขความสุขของคนรอบข้าง คือความสุขของเราด้วยกะทิได้กล่าวไว้ แล้ววันนึงกะทิก็ได้เข้ามาอยู่บ้านในเมือง สถานที่แห่งนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นของแม่ทำให้กะทิได้รู้ถึง ถ้าไม่กะทิได้รู้ถึงความอบอุ่นที่เคยมีของแม่จากสิ่งบอกเล่าภายในบ้าน ทำให้กะทิได้นึกถึงซอกหลืบความทรงจำที่เคยมีกับแม่เมื่อครั้งเยาว์วัย เรื่องความสุขของกะทิไม่ได้เล่าหรือถึงเรื่องของความสุขแต่เล่าถึงเรื่องของความรัก จึงไม่ได้ สวยรู้ได้ราบรื่นเต็มไปด้วยน้ำตาและความเศร้า แต่ก็สวยงามในความทรงจำ
ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้: ถึงแม้จะมีครอบครัวที่ไม่ได้สุขสบาย ไม่ได้ครบสมบูรณ์แบบ แต่เราควรภูมิใจที่เรามีคนดูแลอย่างใกล้ชิดและรักเหมือนพ่อกับแม่แท้ๆ และควรดีใจที่ได้อยู่ในโลกใบนี้
ผู้เเต่ง: งามพรรณ เวชชาชีวะ
ประเภท: บันเทิงคดี
เนื้อเรื่อง: เด็กหญิงวัย 9 ขวบที่กำลังจะต้องสูญเสียแม่ ซึ่งป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง แม่รู้ตัวดีว่าไมสามารถเลี้ยงดูกะทิได้ จึงฝากกะทิให้ตากับยายเลี้ยง กะทิเติบโตมาด้วยความรักของตาและยาย มีชีวิตอย่างสุขสบาย ในบ้านหลังน้อยริมคลองอันอบอุ่น กะทิมีความสุขดีในบ้านหลังน้อยที่ล้อมรอบด้วยไม้ไทย ในวันว่างตาชวนกะทิพายเรือไปเที่ยวเล่นในทุ่งและไปจนถึงศาลาริมน้ำใต้ต้นก้ามปู ตาเคยเป็นทนายมีชื่อเสียงในกรุงเทพ เมื่อเกษียณแล้วจึงย้ายกลับมาบ้านเกิด บูรณะบ้านไทยและใช้ชีวิตบั้นปลายช่วยเหลือผู้คนในท้องถิ่น ยายเคยทำงานเป็นเลขานุการนายใหญ่โรงแรม ห้าดาวและเลือกที่จะใช้ชีวิตเรียบง่ายเช่นกัน กะทิมีพี่ทองเป็นเพื่อนเล่น ชีวิตดำเนินไปอย่างเรียบง่ายแม้ว่าไม่สมบูรณ์ครบถ้วนอย่างที่ควรเป็น กะทิจำแม่ได้เพียงลางๆ ตายายไม่พูดถึงแม่ ในบ้านไม่มีรูปถ่ายแม่ กะทิคิดถึงแม่ทุกวัน อยากพบหน้าอยากให้แม่มารับที่โรงเรียน กะทิอธิษฐานทุกวันให้ฝันเป็นจริง ตาและยายบอกะทิว่าแม่ป่วยและพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านชายทะเล ชฎา หรือ น้าฏาเลขาของแม่ ขับรถมารับ อาการของแม่หนักแล้วและตั้งใจให้กะทิมาใช้เวลาช่วงสุดท้ายด้วยกัน โรคของแม่ คือ เอแอส กล้ามเนื้อจะอ่อนแรงลงเรื่อยๆ จนช่วยตัวเองไม่ได้และถึงขั้นหายใจเองไม่ได้ แม่ไม่ยอมใช้เครื่องช่วยหายใจเพราะจะทำให้พูดไม่ได้ แม่เลือกที่จะทอนเวลาชีวิตลงแต่อย่างมีคุณภาพกะทิได้รู้ว่าแม่ตัดสินใจฝากกะทิไว้กับตาและยายเมื่อรู้ว่าไม่สามารถดูแลกะทิได้เอง เหตุการณ์ที่ทำให้แม่ตัดสินใจ คือ เมื่อกะทิอายุ 2 ขวบ แม่พากะทิไปพายเรือเล่นจนถึงศาลาริมน้ำ แต่เกิดพายุและกลับบ้านไม่ทัน กะทินั่งอู่ในเรือและเรือหลุดจากเสาที่ผูกไว้โดยที่แม่ช่วยอะไรไม่ได้เลย วันนั้นโชคดีที่ทอง เด็กวัดตามมาหาเพื่อนเล่นจึงช่วยกะทิกับแม่ไว้ได้ กะทิอยู่กับตายายนับจากวันนั้นและเทื่อรู้เหตุผลจากปากของแม่ก็เข้าใจ แม่จากไปอย่างสงบและฝากให้เพื่อนของแม่ชื่อ กันต์ และลูกพี่ลูกน้องชื่อ ตอง เป็นคนพากะทิกลับไปที่คอนโดกลางกรุงเทพเพื่อพบกับส่วนหนึ่งของชีวิตแม่ กะทิจึงเดินทางอีกครั้งและมาถึงคอนโดที่กะทิเคยอยู่กับแม่ก่อนที่จะพลัดพรากกัน ที่นี่มีห้องหนึ่งที่แม่จัดเก็บเอกสารเรื่องราวชีวิตของตัวเองไว้ ลุงตองเป็นคนพากะทิไปเปิดตู้เอกสารและทำให้กะทิพบว่าพ่อของกะทิชื่อ แอนโทนี ซัมเมอร์ ชาวพม่าที่เติบโตที่อังกฤษแม่พบพ่อเมื่อไปเรียนต่อและทำงานที่นั่น ทั้งสองรักและแต่งงานกัน แต่แม่ได้งานใหญ่ที่ฮ่องกงทำให้ต้องแยกกันอยู่ ไม่นานแม่ก็รู้ว่าคนรักคนเก่าของพ่อตามมาพบกันและแม่ตัดสินใจให้คนทั้งสองสมหวัง แม่เลือกเดินทางกลับมาอยู่กรุงเทพและพบว่าตัวเองตั้งท้อง แม่เตรียมจดหมายไว้ให้กะทิส่งถึงพ่อและส่งไว้ว่าให้กะทิตัดสินใจเองว่าจะส่งหรือไม่ แต่สุดท้ายกะทิเลือกและพอใจที่จะใช้ชีวิตเรียบง่ายกับตายายที่บ้านริมคลองสืบไป
สรุป: เมื่อจินตนาการถึงเด็กหญิงผมสั้นที่ใช้ชีวิตอยู่กับตายายที่บ้านริมคลอง วัยเด็กรูปทรงน่ารักตื่นเช้ามาพร้อมกับกระทะและตะหลิวของเล่นข้างสระน้ำ ตาพายเรือไปตามครองเรื่อยเปื่อยที่มีความสุขที่เรียบง่าย บางครั้งมีเพื่อนชื่อพี่ทองมาเยี่ยมแวะเวียน กะทิจินตนาการภาพของแม่ไว้เสมอแม้จะอยู่ทีบ้านริมคลองกับตายาย บ้านริมคลองเห็นได้ชัดว่าการที่ใช้อยู่ชีวิตอยู่กับสิ่งเรียบง่ายไม่ปรุงแต่งแต่ถึงอย่างนั้นแม่ก็ยังเป็นความจำที่ไม่ชัดเจน แต่กะทิก็ยังเฝ้ารอแม่ถึงแม้จะเป็นความหวังที่เลือนลาง กะทิอยากเห็นแม่อยู่ถือตะกร้ากลับจากตลาด ไม่มีใครรู้ว่าแม่เหลือเวลานานอีกเท่าไหร่ชีวิตดำเนินต่อไปขอเพียงหัวใจเป็นสุขความสุขของคนรอบข้าง คือความสุขของเราด้วยกะทิได้กล่าวไว้ แล้ววันนึงกะทิก็ได้เข้ามาอยู่บ้านในเมือง สถานที่แห่งนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นของแม่ทำให้กะทิได้รู้ถึง ถ้าไม่กะทิได้รู้ถึงความอบอุ่นที่เคยมีของแม่จากสิ่งบอกเล่าภายในบ้าน ทำให้กะทิได้นึกถึงซอกหลืบความทรงจำที่เคยมีกับแม่เมื่อครั้งเยาว์วัย เรื่องความสุขของกะทิไม่ได้เล่าหรือถึงเรื่องของความสุขแต่เล่าถึงเรื่องของความรัก จึงไม่ได้ สวยรู้ได้ราบรื่นเต็มไปด้วยน้ำตาและความเศร้า แต่ก็สวยงามในความทรงจำ
ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้: ถึงแม้จะมีครอบครัวที่ไม่ได้สุขสบาย ไม่ได้ครบสมบูรณ์แบบ แต่เราควรภูมิใจที่เรามีคนดูแลอย่างใกล้ชิดและรักเหมือนพ่อกับแม่แท้ๆ และควรดีใจที่ได้อยู่ในโลกใบนี้
ความสุขของกะทิเป็นนวนิยายที่แสดงให้เห็นความน่ารัก และทัศนคติที่คิดบวกของกะทิและเป็นนวนิยายที่ให้กำลังใจแก่ผู้อ่าน ผู้วิเคราะห์สามารถวิเคราะห์ได้ดีกะทัดรัด: นางสาวจริญญา ทาริกานนท์ 601031413 กศ.บ.ภาษาไทย
ตอบลบเป็นนิยายที่อ่านแล้วสนุกสนาน ผู้วิเคราะห์ วิเคราะห์ได้ดีมาก ทำให้จินตาการตามได้
ตอบลบแสดงความคิดเห็นโดย นายศักดาพร ไชยพูล 601031433 กศ.บ.ภาษาไทย
ผู้เขียนบล็อกเขียนด้วยเนื้อหาเรียบง่าย บ่งบอกรายละเอียดในชีวิตประจำวันของเด็กคนหนึ่ง ใช้ภาษาได้ดี อ่านเข้าใจง่าย มีการสอดแทรกวัฒนธรรม ประเพณีและคติสอนใจ แง่คิดต่างๆไว้อีกด้วย : นางสาวสุวรรณญา บางโรย 601031225 กศ.บ คณิตศาสตร์
ตอบลบเป็นนวนิยายที่ได้แสดงให้เห็นถึงเด็กน้อยตัวเล็กๆคนหนึ่ง ที่ได้รับความรักความดูแลอย่างอยอุ่นจากตายาย ซึ่งเป็นเรื่องราวที่แสดงให้เห็นถึงความน่ารัก ความมองโลกในแง่ดี การคิดบวก ของกะทิ และเรื่องนี้ได้สอดแทรกวัฒนธรรมเข้ามา ทำให้ผู้อ่านอ่านแล้วเข้าใจง่าย จินตนาการภาพตามและเข้าถึงอารมณ์ได้ดีค่ะ
ตอบลบนางสาวไฮฟาต มิตยา รหัสนิสิต601031443 กศ.บ.ภาษาไทย
เป็นนวนิยายที่แสดงถึงแม้จะมีครอบครัวที่ไม่ได้สุขสบาย ไม่ได้ครบสมบูรณ์แบบ แต่เราควรภูมิใจที่เรามีคนดูแลอย่างใกล้ชิดและรักเหมือนพ่อกับแม่แท้ๆ และควรดีใจที่ได้อยู่ในโลกใบนี้
ตอบลบนางสาวจุฑาทิพย์ หนุ่มนา วิชาเอกเศรษฐศาสตร์ รหัสนิสิต611071477
ผู้เขียนบล็อกถ่ายทอดเรื่องราวที่ตนได้อ่านออกมาดีมากๆทำให้เข้าใจง่ายและน่าติดตามในเรื่องของเด็กผู้หญิงที่ชื่อกะทิ ที่อยู่อย่างรู้จักความสุขเพราะความสุขที่แท้จริงแล้วนั้นขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง
ตอบลบผู้เขียนบล็อกหยิบยกเอาเรื่องราวที่เป็นที่รู้จักและสนใจของคนทั่วไปมาเขียน และสามารถเล่าการดำเรื่องได้ดี นิยายเรื่องให้ข้อคิดดีๆมากมายเหมาะสมที่จะหยิบยกมาอ่านเป็นอย่างมาก
ตอบลบนางสาววริษฐา จันทร์นวล
รหัสนิสิต 611031102
วิชาเอก เคมี
เป็นนวนิยายที่อ่านแล้วสนุก คิดบวกและเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เป็นเรื่องที่เข้าถึงอารมณ์ ผู้เขียนบล็อกนี้สื่อดีมากค่ะ
ตอบลบ#นางสาวสิริมา สามารถ
รหัสนิสิต611031106
วิชาเอกเคมี
จากเรื่องความสุขของกะทิเป็นเรื่องที่อ่านแล้วเพลิดเพลิน การสรุปที่สามารถหนิบยกตัวอย่างปัญหาการดำเนินได้ดี ซึ่งเรื่องความสุขของกะทิมีแง่คิดทำให้ผู้อ่านคิดในทางบวก ไม่ตัดพ้อชีวิตการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เนื้อเรื่องมีความกลมกล่อม
ตอบลบนางสาววาสินี ทองประดิษฐ
รหัสนิสิต 611031103
คณะศึกษาศาสตร์ เอกเคมี
จากเรื่องความสุขของกะทิ เป็นเรื่องของคนหนึ่งคนที่ผ่านประสบการณ์มากมายหลายเรื่อง
ตอบลบราว จนสุดท้ายเเล้ว ความสุขของกะทิจริงๆเเล้วอยู่ที่ตัวเอง เเละรู้สึกว่าโชคดีที่ได้เกิดมาบนโลกมาเจอสิ่งที่ดีเเละไม่ดีปะปนกันไป จากการสรุปบล๊อคนี้เเล้วทำให้ได้เเง่คิดการใช้ชีวิตมากขึ้น
นางสาวอัญชลี วิศวะทรัพย์สกุล รหัสนิสิต 611071238
เอกการจัดการธุรกิจการค้าสมัยใหม่
คณะเศรษฐศาสตร์เเละบริหารธุรกิจ
เป็นเรื่องที่น่าอ่านมากคะและเป็นข้อคิดสะท้อนให้เราเห็นว่าไม่ว่าครอบครัวเราจะไม่สุขสบายเหมือนครอบครัวอื่นๆ แต่ก็มีครอบครัวเรานี้แหละที่มอบความรักให้ทำให้เรายิ้มได้และมีความสุขได้คะ
ตอบลบนางสาว รุ้งลาวัณย์ แวอาแซ
รหัสนิสิต 611031541
คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
เคยอ่านเรื่องนี้เมื่อ 6 ปีที่แล้ว เมื่อมาอ่านเรื่องย่อนี้ทำให้รู้สึกอยากกลับไปอ่านเวอร์ชั่นเต็มอีกครั้ง เพราะเนื้อเรื่องมีความสนุกสนาน ทำให้เราเกิดข้อคิดว่า “ ความสุขที่แท้จริงสามารถสร้างได้จากตัวเราเอง “
ตอบลบนายพุฒิพงศ์ ซิ้วกุ้ง 611031099 วิชาเอกเคมี
ความสุขของกะทิเป็นนวนิยายที่แสดงให้เห็นความน่ารัก ความสดใส และทัศนคติที่คิดบวกของกะทิ เป็นนวนิยายที่ให้กำลังใจแก่ผู้อ่าน ผู้วิเคราะห์สามารถวิเคราะห์ได้ดีกะทัดรัด อ่านแล้วเข้าใจง่ายครับ นายอิทธิพัทธ์ ทองมี รหัสนิสิต 611031111 วิชาเอกเคมี
ตอบลบเป็นนวนิยายที่น่ารักของเด็กในวัยสดใสและความรักกันภายในครอบครัว ซึ่งผู้สร้างบล็อคได้เขียนไว้ดีมาก
ตอบลบนางสาว อัยลัดดา ทรัพย์มาก
ลบรหัสนิสิต611031569
สาขาวิชา เทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว อ่านแล้วรู้สึกเข้าถึงจิตใจ เขียนได้น่าสนใจน่าติดตาม
ตอบลบเขียนในแง่มุมบวกมีทัศนคติที่ดี
นางสาวสุภาวดี แก้ววิมล
รหัสนิสิต 611031107 คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาเคมี
เป็นนิยายที่ให้ข้อคิดดีมาก คือ ถึงแม้จะมีครอบครัวที่ไม่สุขสบายแต่ก็ได้รับความรักจากคนที่เปรียบเสมือนพ่อแม่แท้ ผู้เขียนได้น่าสนใจและเข้าใจง่าย
ตอบลบนายธีรณัฏฐ์ คชลน รหัสนิสิต 611031510 สาขาวิชา เทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
ผู้เขียนถ่ายทอดเรื่องราวได้ดี สามารถจินตนาการตามและเห็นภาพได้ชัดเจน อ่านแล้วรู้สึกคิดบวก ทำให้รู้ว่าจะสุขหรือทุกข์มันอยู่ที่ตัวเรา
ตอบลบน.ส.วชิราภา บุญเติม
รหัสนิสิต 611071089
คณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ วิชาเอก การบัญชี
เป็นนวนิยายที่น่าสนใจ น่าอ่าน และมีข้อคิดไว้ในเรื่องราว ผู้เขียนสรุปเรื่องย่อได้ดี สรุปได้น่าอ่านน่าสนใจ อ่านแล้วเข้าใจง่าย
ตอบลบนางสาวมนัสนันท์ สุวรรณอาภรณ์
รหัสนิสิต 611031535
คณะศึกษาศาสตร์
สาขาวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
ตอบลบเป็นนวนิยายเรื่องสั้นผู้สรุปได้ดี สื่อแนวคิดผู่อ่านได้รู้ว่าชีวิตคนเรามีทั้งความสุขและความทุกข์ปะปนกันไป
นาย ไพศอล อาลีมามะ
รหัสนิสิต 611031528
คณะ ศึกษาศาสตร์
สาขาวิชา เทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
เป็นเรื่องที่สรุปเนื้อหาได้ดี สามารถจินตนาการเห็นภาพได้อย่างชัดเจน อ่านแล่วรู้สึกคิดบวก
ตอบลบบทความนี้แสดงไห้เห็นถึงการที่เราไม่ควรมองคนจากภายนอก ไม่ควรตัดสินคนอื่นทั้งๆที่เรายังไม่รู้จักเขาดีพอ
นางสาวกนกวรรณ เทพทอง
รหัสนิสิต 611071129
คณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ เอกการจัดการธุรกิจการค้าสมัยใหม่